วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ลดน้ำหนักรีเชฟ Ree Shape ลดความอ้วน อาหารเสริมเพียวไวท์ไม่โยโย่


อาหารเสริมลดความอ้วน ลดน้ำหนักด้วยรีเชฟ ลดความอ้วน ทำให้รูปร่างที่เคยอ้วน กลับคืนสู่ หุ่นเพรียวกระชับ อีกครั้ง Ree Shape ลดความอ้วน รีเชฟของแท้ 100 % สำหรับผู้ที่ต้องการ ลดน้ำหนัก เพียวไวท์ อาหารเสริมเพียวไวท์ Pure Vite ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ลดพุงหน้าท้อง ลดต้นแขน ลดต้นขา เห็นผลแน่นอน สินค้าได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมากทั่วประเทศ แวะดูสินค้ารีเชฟปลีก-ส่งได้ที่นี้ http://reeshape.info/

อาหารเสริมเพียวไวท์ลดน้ำหนัก รีเชฟ, Pureviteลดความอ้วน,Ree Shape ลดความอ้วน,อาหารเสริมลดความอ้วน ,รีเชฟ

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องพัฒนาพลังงานทดแทน


- ประเทศไทยมีการบริโภคน้ำมันเบนซินประมาณ 7,300 ล้านลิตร/ปี (20 ล้านลิตร/วัน) และน้ำมันดีเซลอีกประมาณ 16,000 ล้านลิตร/ปี (44 ล้านลิตร/วัน)
- ต้องนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปจากต่างประเทศเป็นหลักคิดเป็นร้อยละ 85 ของปริมาณการจัดหาทั้งหมด มีมูลค่าถึง 300,000 ล้านบาท/ปี
- ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากวิกฤติการณ์น้ำมัน
- ความต้องการพึ่งตนเองและสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน
- ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ
- ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม
ความเป็นไปได้ในการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศไทย
- มีพืชผลทางการเกษตรหลายชนิดสามารถนำมาผลิตเชื้อเพลิงทดแทนได้วัตถุดิบผลิตเอทานอล : จากการศึกษาพบว่าประเทศไทยมีพืชที่เหมาะสมเหลือบริโภค สามารถนำมาผลิตเอทานอลได้ถึง 3 ล้านลิตร/วัน คือ
o มันสำปะหลัง มีความเหมาะสมมากที่สุดเนื่องจากผลผลิตในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีไม่ต่ำกว่าปีละ 20 ล้านตัน เพราะพื้นที่การเพาะปลูกจำนวนไม่น้อยกว่า 6.5 ล้านไร่ ไม่สามารถนำไปปลูกพืชอื่นที่เหมาะสมกว่าได้ โดยผลผลิตจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ทำอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมแป้งอย่างละ 8 ล้านตัน จึงมีวัตถุดิบส่วนเกิน 4 ล้านตัน ที่สามารถนำไปผลิตเอทานอลได้ถึง 2.2 ล้านลิตร/วัน เมื่อนำไปผสมกับน้ำมันเบนซินด้วยสัดส่วน ร้อยละ10 จะได้แก๊สโซฮอล์ถึง 20 ล้านลิตร/วัน สามารถทดแทนการใช้เบนซินได้ทั้งหมด
o กากน้ำตาล เนื่องจากมีผลผลิตไม่มากนักเพียง 2.5 ล้านตัน/ปี ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ จึงมีเหลือเพื่อการส่งออกเพียง 1 ล้านตัน/ปี สามารถผลิตเอทานอลได้ประมาณวันละ 800,000 ลิตร แต่อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการขาดแคลนวัตถุดิบ และจะคุ้มค่าต่อการลงทุนมากขึ้น หากเป็นการผลิตต่อเนื่องหรือต่อยอดกับโรงงานน้ำตาลหรือโรงงานสุราเพื่อจะได้ใช้ Facilities ร่วมกันได้ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง
- วัตถุดิบผลิตไบโอดีเซล (Bio-Diesel): จากการศึกษา โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ความเพียงพอของปริมาณวัตถุดิบ และต้นทุนในการสกัดน้ำมันดิบพบว่า ปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่เหมาะสมที่สุด รองลงมา คือน้ำมันมะพร้าว นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ให้การสนับสนุนตามมติ ครม. สัญจรภาคใต้ที่จังหวัดสงขลาโดยอนุมัติงบประมาณดูแลสินค้าเกษตร 7,349 ล้านบาท โดยเน้นปาล์มน้ำมัน ยางพาราและผลไม้ เป็นหัวหอกนำร่อง ทั้งนี้แผนระยะยาวให้เน้นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ รวมทั้งวางแผนทำอุตสาหกรรมครบวงจร
- น้ำมันพืชที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล ปตท. จำหน่ายดีเซลปาล์มบริสุทธิ์ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็วของรัฐ ยกเว้นภาษีสรรพสามิตในส่วนของน้ำมันพืชที่ผสมในดีเซล ยกเว้นเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเงินเก็บเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันพืชในที่ผสมในดีเซล
จะเห็นว่าประเทศเรานั้นมีศักยภาพในการพัฒนาพลังงานทดแทนจากพืชค่อนข้างสูง ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เราสามารถผลิตได้เองและลดการนำเข้าน้ำมันดิบ ปตท ในฐานะองค์กรที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของชาติจึงถือเป็นหัวหอกในการนำพลังงานทดแทนเหล่านั้นมาขยายผลให้มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ดังจะเห็นได้จากที่ปัจจุบันไม่ใช่เพียงแต่สถานีบริการน้ำมันของ ปตท เท่านั้นที่มีให้บริการพลังงานทดแทนอย่าง เชื้อเพลิงทั้ง ไบโอดีเซล (ซึ่งผสมอยู่ในดีเซลเกรดธรรมดาที่เราเติมกันทุกวันนี้ในสัดส่วน 3-5%) และแก๊สโซฮอล์ต่างๆอันได้แก่ แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลที่ 10% แก๊สโซฮอล์ อี20 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลที่ 20% แก๊สโซฮอล์ อี85 ซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลที่ 85%
ทั้งนี้หากผู้อ่านมีความสนใจเกี่ยวกับบทบาทของ ปตท ในการพัฒนาพลังงานทดแทนอันได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆดังที่ได้กล่าวไว้ในย่อหน้าที่แล้ว สามารถดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติมได้ที่www3.pttplc.com/Files/Document/Pdf/energy/presentation.ppt‎